หุ้นไทยวันนี้ (26 ม.ค.) ปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1368.15 จุด

0

วันนี้ (26 มกราคม 2567) ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดบวก 0.55 จุดที่ระดับ 1,376.64 จุด และปรับตัวขึ้น 0.04% มูลค่าการซื้อขายย้อนหลังครั้งล่าสุดบวกขึ้นไปถึง 6.56 พันล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับตัวเลข GDP สหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด. การวิเคราะห์แนวโน้มและปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น เน้นทั้งมูลค่าการซื้อขายและผลกระทบจากตลาดต่างประเทศ เพื่อให้นักลงทุนทราบถึงสถานการณ์และความเป็นไปได้ในการลงทุนในอนาคต. หุ้นไทยวันนี้ (26 มกราคม 2567) เปิดตลาดบวก 0.55 จุด อยู่ที่ 1,376.64 จุด ปรับตัวขึ้น 0.04% มูลค่าการซื้อขาย 6.56 พันล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวขึ้น ตอบรับตัวเลข GDP สหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป โดยคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ สำหรับแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ 1,365-1,390 จุด โดยหากดัชนีสามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,380 จุดได้ มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้ สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เก็งกำไรราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ...

กรุงไทยเปิดขาย DRx หุ้นไลฟ์สไตล์สหรัฐ 5 หุ้น เทรดพร้อมกัน 7 ก.พ.นี้

0

🌟 สนใจลงทุนในหุ้นไลฟ์สไตล์สหรัฐ? พบกับโอกาสใหม่ที่ไม่ควรพลาด! 🌟 🏦 ธนาคารกรุงไทย เสนอ DRx - ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ 🌐 ✨ ท้าทายตลาดโลก! DRx ที่เชื่อมโยงกับหุ้นชั้นนำของสหรัฐอเมริกา 5 หลักทรัพย์ ✨ 1️⃣ Meta 2️⃣ Amazon 3️⃣ Starbucks 4️⃣ Netflix 5️⃣ Booking Holdings นี่คือข้อมูลสรุปของหน้า: DRx หุ้นไลฟ์สไตล์สหรัฐ - ธนาคารกรุงไทยเสนอขายตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DRx) อ้างอิงหุ้นชั้นนำของสหรัฐอเมริกา 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ Meta, Amazon, Starbucks, Netflix, และ Booking Holdings วันและเวลาของการเปิดขาย - ธนาคารกรุงไทยจะเปิดซื้อขาย DRx หุ้นไลฟ์สไตล์สหรัฐ 5 หลักทรัพย์ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 20.00 น1. เป็นต้นไป บนกระดานซื้อขาย...

ดัชนี SET ปรับตัวลดลง 13.38 จุด, ครั้งใหญ่วันนี้! 23/1/67

0

ดัชนี SET ปิดตลาดวันที่ 23 มกราคม 2567 ปรับตัวลดลง 17.05 จุด หรือ -0.98% ปิดที่ระดับ 1,352.48 จุด เป็นการปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อและยังไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลงโดยเร็ว ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบจากภายในประเทศ ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินและการเติบโตของเศรษฐกิจไทย สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (24 มกราคม 2567) คาดว่าจะยังคงแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนจะยังคงติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่จะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก สำหรับคำแนะนำการลงทุน แนะนำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในช่วงนี้ และรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน สรุปแล้ว ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ได้แก่ ผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ต่ำกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจาก NPL ที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้น ตัวเลข GDP ไทยลดลงในไตรมาส 4/2566 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า การขายออกของ Fundflow ต่างชาติอย่างต่อเนื่อง มูลค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัวลง และส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการเข้าลงทุนมากขึ้น สรุปข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในวันนี้: 1....

อัปเดต iOS 17.3 และ iPadOS 17.3

0

Apple เปิดตัวอัปเดต iOS 17.3 และ iPadOS 17.3 ในวันที่ 22 มกราคม 2024 เป็นอัปเดตหลักครั้งที่สามสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 17 และ iPadOS 17 ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2023 อัปเดตนี้รวมถึงคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญสองประการ ได้แก่: Stolen Device Protection: ฟีเจอร์นี้เพิ่มความปลอดภัยให้กับ iPhone ที่ถูกขโมย โดยบังคับให้ผู้ใช้ยืนยันตัวตนด้วย Face ID หรือ Touch ID หากต้องการเปลี่ยนรหัสผ่าน นอกจากนี้ ยังมีการหน่วงเวลาเปลี่ยนรหัสผ่านหากอุปกรณ์อยู่ในพิกัดที่ไม่คุ้นเคย Collaborative Apple Music Playlists: ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแชร์เพลย์ลิสต์ Apple Music กับผู้อื่นได้ โดยผู้ใช้สามารถเชิญผู้อื่นให้เข้าร่วมเพลย์ลิสต์ได้ และทุกคนสามารถเพิ่มเพลง ลบเพลง และแก้ไขคำอธิบายเพลย์ลิสต์ได้ นอกจากคุณสมบัติใหม่เหล่านี้แล้ว อัปเดต iOS 17.3 และ iPadOS 17.3 ยังรวมถึงการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหลายประการ อุปกรณ์ที่รองรับอัปเดต iOS 17.3 และ iPadOS 17.3...

ราคาบิตคอยน์ได้ร่วงลงกว่า 7% หลุดระดับ 41,000 ดอลลาร์ 18 มกราคม 2024

0

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2024 ราคาบิตคอยน์ได้ร่วงลงกว่า 7% หลุดระดับ 41,000 ดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์มองว่า แรงขายที่กดดันราคาบิตคอยน์ในครั้งนี้ มาจากปัจจัยหลัก 2 ประการ ได้แก่ แรงขายทำกำไร หลังราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 44,000 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความวิตกเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า การอนุมัติให้กองทุนรวม ETF ที่ลงทุนในบิตคอยน์ (Bitcoin ETF) ซื้อขายในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกภายในเดือนมกราคมนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันราคาบิตคอยน์ลงได้ เนื่องจากอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนขายบิตคอยน์ออกมาเพื่อเก็งกำไรจาก ETF สำหรับแนวโน้มราคาบิตคอยน์ในระยะสั้น นักวิเคราะห์มองว่า อาจยังคงแกว่งตัวผันผวน โดยอาจย่อตัวลงทดสอบระดับ 38,000 ดอลลาร์ หากความวิตกเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงเป็นประเด็นที่กดดันตลาด อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว นักวิเคราะห์มองว่า ราคาบิตคอยน์ยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ การยอมรับบิตคอยน์ในวงกว้างมากขึ้น และการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งจะนำไปสู่การประยุกต์ใช้บิตคอยน์ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาบิตคอยน์ในระยะต่อไป ได้แก่ ความคืบหน้าของสงครามรัสเซีย-ยูเครน นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ พัฒนาการของเทคโนโลยีบล็อกเชน การยอมรับบิตคอยน์ในวงกว้างมากขึ้น   ราคาเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีที่สำคัญ ณ วันที่ 18 มกราคม 2567...

หุ้นไทยวันนี้ (17ม.ค.) ปิดที่ระดับ 1,378.86 ลดลง 21 จุด

0

ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ (17 มกราคม 2567) ดิ่งลง 21.14 จุด หรือ 1.50% ปิดที่ระดับ 1,378.86 จุด โดยเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าวันนี้ ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดปรับตัวลดลงทันที 12 จุด ก่อนจะย่อตัวลงต่อเนื่องในช่วงบ่าย โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลดลงนำตลาด ได้แก่ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มสื่อสาร ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาหาร และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง สำหรับปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยล่าสุด ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.2% เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของนักลงทุนที่เชื่อว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 มกราคม 2567) คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังแกว่งตัวผันผวน โดยยังคงมีปัจจัยกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม...

ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มปุ่ม AI ลงในแป้นพิมพ์สำหรับพีซี Windows 11 ในปี 2024 นี้

0

ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มปุ่ม AI ลงในแป้นพิมพ์สำหรับพีซี Windows 11 ในปี 2024 นี้ โดยปุ่มนี้จะมีรูปไอคอนแชทบอท และอยู่ทางฝั่งขวาของปุ่มสเปซบาร์ ปุ่มนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานแชทบอท Copilot ของไมโครซอฟท์ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น Copilot เป็นแชทบอท AI ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ซึ่งสามารถช่วยผู้ใช้ในงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเขียน เช่น การเขียนเอกสาร การเขียนโค้ด การออกแบบกราฟิก หรือแม้แต่การค้นหาข้อมูลต่างๆ โดย Copilot จะเรียนรู้จากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ และสามารถเสนอคำแนะนำหรือช่วยแก้ไขงานได้ การเพิ่มปุ่ม AI ลงในแป้นพิมพ์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในรอบเกือบ 30 ปี นับตั้งแต่ที่ไมโครซอฟท์เพิ่มปุ่ม Windows บนคีย์บอร์ดด้านซ้าย โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ AI ในการปฏิวัติการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ปุ่ม AI นี้จะเริ่มวางจำหน่ายพร้อมกับพีซี Windows 11 ใหม่บางรุ่นในเดือนมกราคม 2024 และคาดว่าจะพร้อมใช้งานในอุปกรณ์ Surface ที่กำลังจะเปิดตัวด้วย ประโยชน์ของการเพิ่มปุ่ม AI ลงในแป้นพิมพ์ ได้แก่ ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานแชทบอท Copilot ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเขียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลและความรู้ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ปุ่ม AI...

ความจริงไม่ได้มีหนึ่งเดียว กับแนวทาง หาความจริงจาก สถานการณ์ที่เกิดขึ้น

0

ความจริงไม่ได้มีหนึ่งเดียว หมายความว่า ความเป็นจริงสามารถมองได้หลายแง่มุม ขึ้นอยู่กับมุมมองและบริบทของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์การประท้วงทางการเมือง อาจมองว่าเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของผู้ชุมนุม แต่อาจมองว่าเป็นการสร้างความวุ่นวายของผู้ก่อความไม่สงบก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้มองและมองจากมุมใด ถูกต้องครับ คำว่า "ความจริง" และ "แนวทาง" มักจะมีการใช้งานที่หลากหลายและขึ้นอยู่กับแง่มุมที่มองตัวเอง ทั้งนี้ เพราะมนุษย์มีวิธีการตีความและมองเห็นโลกแตกต่างกันไป ดังนั้น ความจริงไม่ได้มีหนึ่งเดียว และอาจขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละบุคคลหรือกลุ่มคน การหาความจริงมักจะพึงระวังถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการตีความและดำเนินการต่าง ๆ ตามมา จากนั้น คนแต่ละคนอาจใช้แนวทางต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจความจริงในมุมมองของตนเอง นั่นคือแนวทางหาความจริง ยกตัวอย่างเช่น ในการสังเกตสถานการณ์ทางสังคม หากมีบุคคล A และบุคคล B ที่มีมุมมองต่างกันต่อเหตุการณ์เดียวกัน เช่นการเมืองหรือปัญหาสังคม แต่ละบุคคลอาจมีข้อมูลหรือประสบการณ์ที่แตกต่างกันทำให้มุมมองและความจริงที่เข้าใจได้ไม่เหมือนกัน ดังนั้น การเข้าใจความจริงมักจะขึ้นอยู่กับการศึกษาและตีความข้อมูลจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมมองต่าง ๆ และความเป็นไปได้ที่สูงที่สุดคือการรวบรวมข้อมูลและมุมมองต่าง ๆ เพื่อได้รู้ความจริงที่เป็นอยู่จริงที่สุดที่เป็นไปได้ แนวทางในการหาความจริงจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถทำได้โดย เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย ไม่ควรยึดติดกับความคิดของตนเองเพียงอย่างเดียว แต่ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับสถานการณ์นั้น ๆ จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของสถานการณ์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวบรวมข้อมูลและหลักฐานต่าง ๆ ข้อมูลและหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญในการหาความจริง ข้อมูลและหลักฐานที่ดีควรมีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปใช้วิเคราะห์หาความจริงได้ ใช้เหตุผลและตรรกะในการคิดวิเคราะห์ ไม่ควรใช้อารมณ์หรืออคติมาตัดสินความจริง ควรใช้เหตุผลและตรรกะในการคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการหาความจริง เช่น วัฒนธรรม...

DR ใหม่ ‘HKTECH13 – JAPAN13’ เริ่มซื้อขาย 5 ม.ค.นี้

0

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt: DR) 2 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิง ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ได้แก่ https://youtube.com/shorts/LBi845xUKO4?si=0uiI38IWEKjDiFd8 DR “HKTECH13” อ้างอิงกองทุน Hang Seng TECH Index ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนี Hang Seng TECH DR “JAPAN13” อ้างอิงกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นโดยอ้างอิงดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD ที่จะสร้างผลตอบแทนสอดคล้องกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น พร้อมกับมีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินเยน ทั้ง 2 DR จะเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2567 เป็นต้นไป...

ประโยชน์ของ SET50FF คือ

0

SET50 และ SET50FF เป็นดัชนีหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีจำนวนหลักทรัพย์เหมือนกันคือ 50 หลักทรัพย์ แต่หลักเกณฑ์การคำนวณแตกต่างกัน SET50 คำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight) โดยไม่คำนึงถึงจำนวนหุ้นที่สามารถซื้อขายได้ในตลาด (Free Float) SET50FF คำนวณโดยถ่วงน้ำหนักมูลค่าตามราคาตลาดที่ปรับด้วยสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free Float Adjusted Market Capitalization Weight) หมายความว่า หุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยสูงจะมีน้ำหนักในดัชนีสูงกว่าหุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยต่ำ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง SET50 และ SET50FF คือ SET50FF ให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยสูง ซึ่งอาจส่งผลให้ดัชนีสะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่แท้จริงได้ดีกว่า SET50 ตัวอย่างเช่น หุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยสูงมักจะมีความผันผวนของราคาต่ำ เนื่องจากมีแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยเข้ามาช่วยพยุงราคา ประโยชน์ของ SET50FF คือ ช่วยให้ดัชนีสะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่แท้จริงได้ดีกว่า เปิดโอกาสให้หุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยสูงได้รับน้ำหนักในดัชนีสูงขึ้น ช่วยให้นักลงทุนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยสูงได้