หน้าแรก ข่าวเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นสหรัฐร่วง 1,000 จุด หนักสุดรอบ 2 ปี หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5%

ตลาดหุ้นสหรัฐร่วง 1,000 จุด หนักสุดรอบ 2 ปี หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5%

1249
0

ตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐประสบกับการร่วงลงอย่างหนักครั้งใหญ่ในรอบ 2 ปี หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งเดียว 0.5% เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 1,000 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 3.6% ที่ถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ในรอบ 2 ปี ขณะที่ดัชนีแนสแดกร่วงลง 5% ซึ่งถือว่าเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020

การตกลงอย่างรวดเร็วของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หลังนักลงทุนพากันเทขาย สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและความไม่สบายใจของนักลงทุนต่อภัยคุกคามทางเศรษฐกิจที่สหรัฐกำลังเผชิญอยู่ ตั้งแต่อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปี รวมถึงการทำงานของเฟดที่จะควบคุมสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.5% เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ซึ่งไม่เกินไปกว่าการคาดการณ์ของตลาด แต่ยังมีความกังวลว่าเฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมครั้งหน้า แม้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่า เฟดไม่ได้พิจารณาจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 3 ใน 4 อย่างที่หวั่นวิตกกันก็ตาม

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นสะท้อนให้เห็นถึงความไม่สบายใจของนักลงทุน ว่าสิ่งที่เฟดทำจะเพียงพอที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ ซึ่งแสดงสัญญาณการชะลอตัวก่อนเข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะนอกจากอัตราเงินเฟ้ออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว นักลงทุนยังเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงความตึงเครียดทางการเมือง และผลกระทบจากสงครามในยูเครนอีกด้วย

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ตกลง 153.30 จุด มาอยู่ที่ 4,146.87 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแดกร่วงลง 647.16 จุด ปิดที่ 12,317.69 จุด ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 1,063.09 จุด หรือ 3.1% มาอยู่ที่ 32,997.97 จุด

ด้านดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง มีเพียงดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษที่ปิด +1.3% มาอยู่ที่ 7,503.27 จุด ขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนี -4.9% ปิดที่ 13,902.52 จุด ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศส -0.43% ปิดที่ 6,368.40 จุด และดัชนี Euro Stoxx 50 ปิด -0.76% ที่ 3,696.63 จุด