ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567 ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดลดลง 530.16 จุด หรือ 1.54% ดัชนี S&P 500 ร่วง 1.30% และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 1.38% นับเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นสหรัฐในรอบ 1 ปี
สาเหตุหลักของการร่วงลงครั้งนี้ มาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะไม่ลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เลยก็ได้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดหุ้น:
- ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ: เงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง ล่าสุดอยู่ที่ 7.9% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปี เฟดมีความกังวลว่าการลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะยิ่งกระตุ้นเงินเฟ้อให้สูงขึ้นไปอีก
- สงครามในยูเครน: สงครามในยูเครนยังคงสร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลก นักลงทุนกังวลว่าสงครามจะยืดเยื้อ ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและสหรัฐ
- นโยบาย Zero-COVID ของจีน: นโยบาย Zero-COVID ของจีน ส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานโลก และสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก
ผลกระทบ:
- นักลงทุนเทขายหุ้น: นักลงทุนเทขายหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลงมากกว่าดัชนีอื่น
- ราคาทองคำพุ่ง: นักลงทุนแห่ซื้อทองคำ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า: นักลงทุนเทขายสกุลเงินอื่น แห่ซื้อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
แนวโน้มตลาดหุ้น:
- ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง: นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาดหุ้น
- ควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด: นักลงทุนควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด สถานการณ์สงครามในยูเครน และนโยบาย Zero-COVID ของจีน
- ควรกระจายความเสี่ยง: นักลงทุนควรกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ
สรุป:
ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2567 สาเหตุหลักมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด สงครามในยูเครน และนโยบาย Zero-COVID ของจีน นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของตลาดหุ้น ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และกระจายความเสี่ยง