ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ (17 มกราคม 2567) ดิ่งลง 21.14 จุด หรือ 1.50% ปิดที่ระดับ 1,378.86 จุด โดยเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงเช้าวันนี้ ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดปรับตัวลดลงทันที 12 จุด ก่อนจะย่อตัวลงต่อเนื่องในช่วงบ่าย โดยหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลดลงนำตลาด ได้แก่ กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร และกลุ่มสื่อสาร ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอาหาร และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
สำหรับปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ได้แก่
- ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่อาจเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยล่าสุด ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.2% เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของนักลงทุนที่เชื่อว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น
- แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 มกราคม 2567) คาดว่า ตลาดหุ้นไทยจะยังแกว่งตัวผันผวน โดยยังคงมีปัจจัยกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม อาจมีแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง
โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีแนวโน้มถูกขายทำกำไรในระยะสั้น
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่
- PTT มูลค่า 2,787 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 33.50 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.74%
- PTTEP มูลค่า 2,351 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 148.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.33%
- AOT มูลค่า 2,006 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 61.25 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือ 2.78%
- TU มูลค่า 1,915 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 15 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.74%)
- BBL มูลค่า 1,834 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 148.00 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.00%
เครื่องคำนวณ Fibonacci ควบคุมดูแลระบบการทำงานโดย Investing.com ประเทศไทย