ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt: DR) 2 หลักทรัพย์ใหม่ อ้างอิง ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ได้แก่
- DR “HKTECH13” อ้างอิงกองทุน Hang Seng TECH Index ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนี Hang Seng TECH
- DR “JAPAN13” อ้างอิงกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นโดยอ้างอิงดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD ที่จะสร้างผลตอบแทนสอดคล้องกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น พร้อมกับมีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากการอ่อนค่าของเงินเยน
ทั้ง 2 DR จะเปิดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มี ด้วยเงินบาท
DR เป็นตราสารที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง แต่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโอนย้ายหลักทรัพย์ระหว่างประเทศ รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย
สำหรับ DR “HKTECH13” เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดต่างประเทศ โดย DR นี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในหุ้นไทย เนื่องจากดัชนี Hang Seng TECH ประกอบด้วยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูง ซึ่งมีความผันผวนสูง
สำหรับ DR “JAPAN13” เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น และต้องการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน โดย DR นี้จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้นไทย เนื่องจากดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD มีการคุ้มครองความเสี่ยงจากค่าเงินเยน
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดของ DR ทั้งสองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงและเป้าหมายการลงทุนของตนเอง
ขอบคุณที่แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt: DR) ที่เพิ่มเข้ามาในตลาด 2 รายการ ดังนี้:
1. **DR “HKTECH13″**
– อ้างอิงกองทุน: Hang Seng TECH Index ETF
– วัตถุประสงค์: เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
– ผู้ออก: บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
– วันเริ่มซื้อขาย: 5 มกราคม 2567
– เว็บไซต์ข้อมูลเพิ่มเติม: [setinvestnow](https://www.set.or.th/set/distribution/th/etf/HKTECH13.html)
2. **DR “JAPAN13″**
– อ้างอิงกองทุน: ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF
– วัตถุประสงค์: ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นโดยอ้างอิงดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD
– ผู้ออก: บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
– วันเริ่มซื้อขาย: 5 มกราคม 2567
– เว็บไซต์ข้อมูลเพิ่มเติม: [setinvestnow](https://www.set.or.th/set/distribution/th/etf/JAPAN13.html)
DR เป็นตราสารที่ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์เสมือนการถือครองหลักทรัพย์ต่างประเทศ และสามารถซื้อขายผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่มี ด้วยเงินบาท โดย DR จะเปิดซื้อขายแบบต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. หรือ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือศึกษาผลิตภัณฑ์ DR เพิ่มเติมที่ [setinvestnow](https://www.set.or.th/set/distribution/th/home.html)
HKTECH13
อีกหนึ่งดัชนีที่น่าสนใจ เพราะมีการไปลงทุนใน Hang Seng TECH Index ETF (3032.HK) ซึ่งได้ไปจดทะเบียนอยู่ใน Hong Kong Stock Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่จะเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 30 แห่ง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามดัชนี Hang Seng TECH
โดยดัชนี Hang Seng TECH สามารถสะท้อนภาพรวมของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้มาจากเทคโนโลยี ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัทชั้นนำที่กระจายไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ, กลุ่มสินค้าสุขภาพ, กลุ่มสินค้าการเงิน, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่ม Healthcare
สำหรับตัวอย่าง 5 บริษัทชั้นนำที่อยู่ในดัชนี Hang Seng TECH ได้แก่
– XIAOMI CORP (ลงทุนในสัดส่วน 8.72%)
บริษัทเทคโนโลยีที่ไม่ได้มีเพียงแค่สมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังมีสินค้าที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน และครอบคลุมกลุ่มคนทุกไลฟ์สไตล์อีกด้วย เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องชั่งน้ำหนัก
– TENCENT HOLDINGS (ลงทุนในสัดส่วน 8.33%)
มีธุรกิจหลากหลาย โดยจะมีทั้งแอปพลิเคชันแชท เกมออนไลน์ บริการธุรกรรมทางด้านการเงิน รวมถึงสตรีมมิ่งชื่อดังต่าง ๆ ถือว่าเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่ชาวจีนนิยมใช้กันมาก
– KUAISHOU TECHNOLOGY 8.3%
เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมคอนเทนต์วีดีโอสั้น และการไลฟ์สตรีมมิง จนถูกเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งของ TikTok เพราะมีผู้ใช้งานจำนวนมาก และยังได้รับความนิยมจากคนในจีนอีกด้วย
– JD.COM INC 8.26%
เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรชั้นนำของจีน โดยให้บริการลูกค้าที่ใช้งานอยู่มากกว่า 580 ล้านราย เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอุตสาหกรรม การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน รองรับจำนวนคำสั่งซื้อขายหลายล้านรายการผ่านเครือข่ายทั่วประเทศของจีน
– ALIBABA GROUP HOLDING 6.94%
เจ้าแห่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีน ที่มีธุรกิจอยู่ในเครือมากมาย ตั้งแต่กลุ่มคลาวด์ โลจิสติกส์ บริการในท้องถิ่น รวมถึงสื่อดิจิทัล และสื่อบันเทิง
สรุปข้อมูลเพิ่มเติมของ HKTECH13
- สินทรัพย์อ้างอิง กองทุน ETF: HANG SENG TECH INDEX ETF (3032.HK)
- มีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ออกตราสาร และดูแลสภาพคล่อง
- อัตราส่วน 1 หลักทรัพย์อ้างอิง: 5 DR
- ซื้อขายขั้นต่ำ 1 หน่วยลงทุน
- มี Hang Seng Investment Management Limited เป็นผู้จัดการกองทุน
- การจ่ายปันผลในอดีต (2020 – 2023) : ไม่มี• ราคา HKTECH13 จำลองสูงสุดต่ำสุดย้อนหลังภายใน 1 ปี*: ราคาสูงสุด 4.09 บาท, ราคาต่ำสุด 3.13 บาท
- ราคา HKTECH13 (โดยประมาณ)**: 3.36 บาท
JAPAN13
ถือเป็น DR ตัวแรกของประเทศไทยที่ไปลงทุนในตลาดหุ้นของญี่ปุ่น โดยจะมีการอ้างอิงกับกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF (3160.HK) ที่จดทะเบียนอยู่ใน Hong Kong Stock Exchange หรือตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
โดยกองทุนตัวนี้จะอ้างอิงไปกับ MSCI Japan 100% Hedged to USD Index ที่จะสร้างผลตอบไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นญี่ปุ่น
พร้อมกับมีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเยนไปเป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น จากการอ่อนค่าของเงินเยน และหากได้กำไรจากการป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว ก็จะมีการนำเงินส่วนนั้นไปลงทุนใหม่ในช่วงสิ้นเดือนต่อไป
สำหรับตัวอย่าง 5 บริษัทที่ไปลงทุน จะเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ และมีการเติบโต ประกอบไปด้วย
– TOYOTA MOTOR CORP (ลงทุนในสัดส่วน 5.64%)
ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกจากญี่ปุ่น มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย และมีกำลังการผลิตที่แข็งแกร่ง รวมถึงยังมียอดขาย และจำนวนการผลิตเป็นอันดับ 1 ในไทย
– SONY CORP (ลงทุนในสัดส่วน 3.44%)
บริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากญี่ปุ่น ซึ่งในปัจจุบันก็มีการขยายไปยังธุรกิจเกม และธุรกิจด้านการเงินที่กำลังมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
– MITSUBISHI UFJ FINANCIAL (ลงทุนในสัดส่วน 2.82%)
กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีเครือข่ายกว่า 2,300 แห่ง และยังกระจายไปยัง 50 ประเทศทั่วโลก
– KEYENCE CORP (ลงทุนในสัดส่วน 2.48%)
บริษัทจากญี่ปุ่น มีความโดดเด่นในด้านการผลิตระบบเซ็นเซอร์ และระบบอัตโนมัติสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำต่าง ๆ
– TOKYO ELECTRON (ลงทุนในสัดส่วน 2.34%)
ผู้นำด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในญี่ปุ่น พร้อมทั้งมีโรงงานผลิตกระจายไปยังหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น
สรุปข้อมูลเพิ่มเติมของ JAPAN13
- สินทรัพย์อ้างอิง กองทุน ETF: ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF (3160.HK)
- อัตราส่วน 1 หลักทรัพย์อ้างอิง: 25 DR
- ซื้อขายขั้นต่ำ 1 หน่วยลงทุน
- มีบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ออกตราสาร และดูแลสภาพคล่อง
- มี China Asset Management (Hong Kong) Limitedเป็นผู้จัดการกองทุน
- การจ่ายปันผลในอดีต (2020 – 2023) : 2 ครั้ง
- ราคา JAPAN13 จำลองสูงสุดต่ำสุดย้อนหลังภายใน 1 ปี*: ราคาสูงสุด 3.23 บาท, ราคาต่ำสุด 2.22 บาท
- ราคา JAPAN13 (โดยประมาณ)**: 3.05 บาท