Apple เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่แบบ VR หรือ Apple Vision Pro ในงาน WWDC 2023 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2023 ที่ผ่านมา โดยถือเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของค่ายที่เปิดตัว นับตั้งแต่การเปิดตัว Apple Watch ในปี 2014
Apple Vision Pro เป็นอุปกรณ์สวมใส่แบบ VR และ AR ผสมผสานกัน โดยมาพร้อมหน้าจอความละเอียดสูงอยู่ที่ระดับสายตาผู้ใช้งาน ทำให้มองเห็นภาพในโลกเสมือนได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็สามารถเห็นและโต้ตอบโลกแห่งความเป็นจริงได้ผ่านกล้องกำลังสูงที่ติดตั้งบนอุปกรณ์
คุณสมบัติเด่นของ Apple Vision Pro มีดังนี้
- หน้าจอความละเอียดสูง 1920×1920 พิกเซลต่อตา
- เลนส์มุมมองกว้าง 120 องศา
- กล้อง 4 ตัวสำหรับจับภาพโลกแห่งความเป็นจริง
- ชิป M2 ใหม่ล่าสุดจาก Apple
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง
Apple Vision Pro วางจำหน่ายในราคา 3,499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 120,000 บาท
สำหรับการใช้งาน Apple Vision Pro นั้น สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ชมภาพยนตร์ ทำงาน หรือแม้แต่การเล่นเกมเสมือนจริง
การเปิดตัว Apple Vision Pro ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Apple ในการเข้าสู่ตลาดอุปกรณ์สวมใส่แบบ VR และ AR ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต
โดยในปัจจุบัน ตลาดอุปกรณ์สวมใส่แบบ VR และ AR ยังคงเป็นตลาดขนาดเล็ก โดยมีผู้เล่นหลักอยู่เพียงไม่กี่ราย ได้แก่ Meta, Microsoft และ Sony อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดนี้จะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีข้างหน้า จากการที่เทคโนโลยี VR และ AR พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหลายราย
Apple Vision Pro คาดว่าจะเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้อย่างจริงจัง และอาจกลายเป็นผู้นำตลาดได้ในอนาคต เนื่องจาก Apple มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยม
เอกสารนี้พูดถึง:
- Apple Vision Pro: เป็นหูฟังที่สามารถแสดงเนื้อหาทั้งแบบเสมือนจริงและเสริมจริง ราคา 3,499 ดอลลาร์ และจะวางจำหน่ายในต้นปี 2024
- การออกแบบและคุณสมบัติ: หูฟังมีด้านหน้าเป็นแก้ว กรอบอลูมิเนียม เครื่องปิดแสง เข็มขัดเสียง เข็มขัดหัว ปุ่มดิจิตอล และปุ่มกล้อง มีจอแสดงผล micro-OLED สองตัว จอแสดงผลตาภายนอก และเลนส์ที่ปรับให้เหมาะกับสายตาของผู้ใช้
- กล้องและเซ็นเซอร์: หูฟังมีกล้อง 12 ตัวและเซ็นเซอร์ 5 ตัว เพื่อทำแผนที่สภาพแวดล้อม เช็คการเคลื่อนไหวของหัว มือ และตา และใช้ Optic ID เพื่อยืนยันตัวตน
- การควบคุมและเสียง: หูฟังสามารถควบคุมได้ด้วยการเคลื่อนไหวของตา ท่ามือ เสียงพูด หรืออุปกรณ์ Bluetooth เสียงผ่านลำโพงและไมโครโฟนที่รองรับ spatial audio และการโทรศัพท์ สามารถเชื่อมต่อกับ AirPods เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น
- ชิปและแบตเตอรี่: หูฟังมีชิปสองตัว: M2 เพื่อประมวลผลเนื้อหาและรัน visionOS, และ R1 เพื่อประมวลผลข้อมูลจากกล้องและเซ็นเซอร์ หูฟังมีระบบความร้อนเพื่อระบายความร้อน สามารถใช้ได้สองชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ภายนอกหรือใช้ได้ทั้งวันด้วย power adapter
- visionOS และเนื้อหา: หูฟังใช้ visionOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ให้พื้นที่ไม่จำกัดสำหรับ apps และ windows เปิด apps ได้ที่ iPhone และ iPad apps, เปิดเนื้อหาที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้ในรูปแบบสามมิติ, เชื่อมต่อกับ Mac เป็นจอภายนอก, เปิดได้ทุก apps, movies, TV shows, games, FaceTime, and more.