เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 11 เดือน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 โดยแตะระดับ 37.11 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงเช้าของวันนั้น จากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าที่ 36.93 บาท/ดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอก ดังนี้
- ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักลงทุนถึง 0.50% ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักลงทุนถึง 0.10% ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เช่นกัน
- ตลาดหุ้นโลกปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นและตราสารหนี้ ส่งผลให้ความต้องการดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และ ธปท. จะดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและระบบการเงิน
สำหรับผลกระทบของเงินบาทอ่อนค่าต่อเศรษฐกิจไทยนั้น ในระยะสั้น เงินบาทอ่อนค่าจะส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าในประเทศให้สูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ในระยะยาว เงินบาทอ่อนค่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกไทย เนื่องจากจะทำให้สินค้าไทยมีราคาที่แข่งขันได้มากขึ้น
โดยสรุป เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 11 เดือน ผ่านระดับ 37.11 บาท/ดอลลาร์ ในวันที่ 3 ตุลาคม 2566 สาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอก เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรป รวมถึงการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นโลก
