คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (7-11 ก.พ.) ทำท่าจะไปได้สวย หลังจากกลางสัปดาห์ทำสถิติทะลุแนวต้านขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 จุดได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง (นับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2562) และสามารถประคองตัวยืนอยู่ระดับดังกล่าวได้ต่อเนื่อง 2 วัน ทว่าก็ต้องมาดิ่งลงไปอีก หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน ม.ค.ออกมาสูงถึง 7.5% เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นโลก
มองไปสัปดาห์ข้างหน้านี้ (14-18 ก.พ.) “อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยคาดว่าจะแกว่งตัว sideway ออกข้างไป จนถึงพักฐาน โดยให้แนวรับไว้ที่ระดับ 1,680-1,690 จุด และแนวต้านที่ 1,710-1,720 จุด
ซึ่งการที่มองตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เป็นการพักฐาน เนื่องจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับตัวสูงขึ้นมาค่อนข้างเร็วจากเม็ดเงิน (fund flow) ต่างชาติที่ไหลเข้ามาในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยทะลุระดับ 1,700 จุดได้ จากการที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจลงทุนในหุ้นที่เป็นหุ้นคุณค่า (value stock) มากกว่าหุ้นที่มีการเติบโต (growth stock) นักลงทุนจึงมีการปรับพอร์ตเข้ามาลงทุนในหุ้นคุณค่ามากขึ้น ในขณะที่ราคาน้ำมันก็ยังคงยืนอยู่ที่ระดับสูง
“นอกจากนี้ สัญญาณทางด้านเทคนิคก็เริ่มเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (overbought) รวมถึงในสัปดาห์นี้น่าจะถูกกดดันจากปัจจัยที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น หลังสหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อออกมาอยู่ในระดับสูงเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้”
สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามในสัปดาห์นี้ จะเป็นการรายงานผลประชุมเฟด (Fed Minutes) จากการประชุมครั้งล่าสุด (25-26 ม.ค. 2565) ที่จะเผยแพร่ในวันที่ 16 ก.พ. 2565 ว่า เฟดจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร ส่วนปัจจัยในประเทศจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ในวันที่ 17-18 ก.พ. 2565 นี้ด้วย
ทั้งนี้ แนะนำหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ KBANK, SCB และ BBL และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดี และช่วงนี้เป็นช่วงของการประกาศผลประกอบการและจ่ายเงินปันผล โดยแนะนำ SUPALI และ LH