หน้าแรก ข่าวเศรษฐกิจ คาด SET อ่อนตัวแนวรับ 1,670-1,675 จุด ตามทิศทางตลาดรอบบ้าน

คาด SET อ่อนตัวแนวรับ 1,670-1,675 จุด ตามทิศทางตลาดรอบบ้าน

1366
0
© Matichon ภาพประกอบข่าว

บล.กรุงศรี คาดดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้อ่อนตัวแนวรับ 1,670-1,675 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ปรับตัวลงจากความกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีจะสลับรีบาวด์จากแรงเก็งกำไรหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัว สัปดาห์หน้าติดตามจีนประกาศตัวเลข GDP-BoJ meeting และยอดส่งออก-นำเข้าของไทยเดือน ธ.ค.

วันที่ 14 มกราคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี หรือ บล.กรุงศรี คาดดัชนีหุ้นไทย (SET) วันนี้อ่อนตัวแนวรับ 1,670-1,675 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ปรับตัวลงจากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 15-16 มี.ค. เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับเด้งรีบาวด์จากแรงเก็งกำไรหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัวรวมถึงการซื้อดักงบและปันผลปี 2564 โดยเริ่มทยอยประกาศจากกลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์

สำหรับประเด็นสำคัญวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 177 จุด (-0.49%) ปิดที่ระดับ 36,114 จุด หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อาทิ นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด, นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก

วันนี้ธนาคารธิสโก้ (TISCO) ประกาศงบ 4Q21 กำไรไม่เด่นแต่มีดีที่เงินปันผล คาดว่า TISCO จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ที่ 1,637 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3%qoq แต่ทรงตัว yoy ส่งผลให้ปี 2564 จะมีกำไรสุทธิรวมทั้งปีประมาณ 6,610 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9%yoy แต่จุดเด่นของ TISCO อยู่ที่เงินปันผลเบื้องต้นคาดเงินปันผลจ่ายปี 21 และ 22 ที่ 6.50 และ 7 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ที่ 6.6% และ 7% ยังแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 107 บาท

อย่างไรก็ตามสัปดาห์หน้าติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 4/64 ของจีนและตัวเลข ส่งออก/นำเข้าของไทย คาดขยายตัว 3.6% จาก 4.9% ในไตรมาส 3/64 และการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ meeting) คาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ -0.1% ตามเดิม รวมถึงยอดผลิต, ขาย และส่งออกรถยนต์ ของไทยรวมไปถึงยอดส่งออกและนำเข้าของไทยเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นอีกดัชนีบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้หรือไม่

ทั้งนี้ บล.กรุงศรีแนะหุ้นเด่นน่าจับตาวันนี้ ได้แก่

– BANPU หรือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ราคาปิดที่ 11.2 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อ/เป้าหมายราคาที่ 14 บาท)ต่อหุ้น แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/64 น่าจะยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากไตรมาส 3/64 อิงตามราคาถ่านหินในตลาดโลกที่สูงขึ้น และแนวโน้มไตรมาส 2/65 เติบโตต่อเนื่องหลังราคาถ่านหินพลิกกลับมาฟื้นตัว และล่าสุดปรับขึ้นสู่ระดับ 211.5 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับราคา ณ สิ้นปี 2564 ที่ 170 ดอลลาร์ต่อตัน

– TNP หรือ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) ราคาปิดที่ 5.45 บาทต่อหุ้น แนะนำซื้อ/เป้าหมายราคาตามที่ Consensus คาด 6.7 บาทต่อหุ้น คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 ยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามผลบวกของฤดูกาล (High season) ขณะที่ปีนี้ทิศทางกำไรยังโตเด่นจากแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้น 6-7 สาขาต่อปีทำให้มี Growth อย่างน้อย 20-30% จากจำนวนสาขาในปัจจุบันที่ 30 สาขา